TM 654: Script Writing for Mass Communication

This blog was designed for MCT3 students only. Ramkhamhaeng University

Thursday, March 02, 2006

ปรากฏการณ์ แดจังกึม... กระหึ่มจอตู้

โดย จิราจารีย์ ชัยมุสิก Positioning Magazine กุมภาพันธ์ 2549

ครองเรตติ้ง 13...ยอดพ็อกเกตบุ๊กทะลุหลักแสนเล่ม ภายในเวลาไม่กี่เดือน...เพื่อนสนิท ครอบครัวชวนกินข้าวที่ร้านอาหารเกาหลี...ยอดจองทัวร์เที่ยวเกาหลีเต็มล่วงหน้าหลายสัปดาห์ ไม่ใช่ “ความบังเอิญ” แต่มันเป็น effect ของปรากฏการณ์ “แดจังกึม” ซีรี่ส์ละครจากดินแดนกิมจิ ที่สาวกไทยติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง !!!

Jewel in The Palace ... Dae-Jang-Guem หรือ แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง มาจากสุดยอดนวนิยายที่ถูกนำไปสร้างเป็นซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ MBC จนโด่งดัง กวาดเรตติ้งสูงสุดอันดับ 1 ในทุกประเทศที่ออกฉาย ไม่ว่า เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน และล่าสุดไทย ซึ่งช่อง 3 ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม จนบัดนี้กระแสแดจังกึมฟีเวอร์กลับไม่ได้ลดดีกรีความฮอตลงแต่อย่างใด

แกะรอยความสำเร็จ แดจังกึม

ความสำเร็จส่วนหนึ่งของละครเกาหลีในไทย มาจากความเอเชียด้วยกัน ทั้งในแง่ของมุมมอง การดำเนินชีวิต ทัศนคติ และวัฒนธรรมประเพณี ทำให้คนไทยเมื่อได้ดูละครเรื่องนี้แล้วเข้าใจได้ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวมากนัก

สำหรับแดจังกึม ความคล้ายคลึงวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นในราชสำนัก รวมทั้งเรื่องคุณธรรมที่ถูกให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสังคมไทย รวมไปถึงการอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ ซื่อสัตย์ ถวายความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ ให้ละครสามารถเข้าถึงคนดู

“เสกสรร สุขวัฒโณ” ผู้จัดการสายงานธุรกิจสิ่งพิมพ์ สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) มองว่า ความสำเร็จซีรี่ส์แดจังกึมเกิดขึ้นเพราะวงการทีวีเกิดสุญญากาศ ไม่มีเรื่องใดที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดมากพอที่จะสะกดคนดูให้อยู่หน้าจอทีวีได้ ในขณะที่ “แดจังกึม” มีพล็อตเรื่องที่ดึงดูด บวกกับความเป็นมืออาชีพในการทำตลาดมีวางแผนคิดรอบด้าน

ในแง่เนื้อหาอาจคล้ายคลึงกับละครไทยบ้าง มีน้ำเน่า อิจฉาริษยา แต่ก็ไม่มีการตบตีกัน เป็นน้ำเน่าที่ถ้า 2 คนแข่งขันมีแพ้-ชนะก็จะยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งในระหว่างแข่งขันอาจมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง วางยาพิษ ที่สุดของจิตใจตัวละครไม่ถึงกับดำสนิท เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ละครแดจังกึมดูได้ทุกเพศทุกวัย และเสน่ห์ในเรื่องอาหาร เมื่อคนดูแล้วรู้สึกอยากชิมลิ้มรสอาหารเกาหลี

จุดเด่นละครแดจังกึมอยู่ที่การเขียนบท ทำได้เฉียบคมมาก มีเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวละครต้องพบอุปสรรคอยู่เสมอ ทำให้มีสีสัน สนุก น่าติดตาม ซึ่งถือว่ามีส่วนทำให้แดจังกึม ประสบความสำเร็จอย่างมาก “ ดวงหทัย ศรัทธาทิพย์” นักเขียนบทโทรทัศน์ชื่อดังของเมืองไทย ให้ทัศนะและเสริมว่า

“โดยภาพรวมถือว่า ลงตัวทั้งการเล่าเรื่องที่บางตอนอาจช้าไปบ้าง แต่ไม่ร้ายแรง ส่วนมากดำเนินได้กระชับ ซึ่งจัดเป็นเสน่ห์ที่สำคัญ”

นอกจากนี้ มิติโปรดักต์ ในเรื่องสถานที่ถ่ายทำ สามารถทำให้คนดูเชื่อและตื่นตาตื่นใจ คล้อยตาม ซึ่งถือว่ามีส่วนทำให้ละครสนุกเพลิดเพลินไปกับการแสดงด้วย

ข้อสำคัญ คือ “การตลาด วางกลยุทธ์ต่อเนื่องและลงตัว” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทะลุเป้าหมายเกินคาด ประเด็นนี้ นักบริหารการตลาดค่ายเจ-บิ๊คส์ “นพชัย ศรีสุวนันท์” ประธานบริษัทฯและ โรส วีดีโอ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ต่างยอมรับว่า ปรากฏการณ์แดจังกึม เป็นตัวเร่งให้กระแสเกาหลีฟีเวอร์เด่นชัดมากยิ่ง หลังจากปูแนวทางในตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

เคล็ด (ไม่) ลับ ความสำเร็จ

...พบเรื่องราวหญิงสาวที่ใช้ลิ้นจนได้ดี... ตีแผ่เรื่องหนักกบาลของใหญ่คนโต...นี่คือข้อความเด็ดที่เรียกความสนใจคนดูผ่านสื่อ แผ่นพับ บิลบอร์ด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ฝ่ายการตลาดช่อง 3 นำทีมโดยบอสการตลาด

“สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” เป็นแม่งาน “ยอมรับ” ความสำเร็จแดจังกึม ส่วนหนึ่งมาจาก “กลยุทธ์การตลาด” ที่ได้วางไว้ตั้งแต่ก่อน ระหว่างละครออกอากาศ

สูตรสำเร็จโปรโมตแดจังกึมนั้น ถูกวางอย่างเป็นขั้นตอน เริ่มจาก 1. ฉายทรีเซอร์บนจอทีวี เพื่อเรียกความสนใจ 2. ทำบิลบอร์ดกลางแจ้ง ติดข้อความเรียกความสนใจคนดู โดยเน้นทำเลหลักใจกลางเมืองของ 2 ประโยคตอนแรก 3. รวมทั้งทรีเซอร์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหลัก 3-4 ฉบับราว 2 อาทิตย์ก่อนที่ละครที่ออกอากาศ

รวมไปถึงการจ้างออกาไนเซอร์ ทำอีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง จัดแสดงอีเวนต์บางตอน โดยใช้ตัวละครเลียนแบบของจริงมาแสดงเหตุการณ์บางฉาก พร้อมแจกแผ่นพับแนะนำตัวละครหลักในเรื่อง ตามย่านทำเลใจกลางเมือง สยามสแควร์ สีลม เซ็นทรัลลาดพร้าว ในช่วงเย็นและวันหยุด ซึ่งเป็นการโปรโมตก่อนที่ละครฉาย

ระหว่างที่ละครออกอากาศไปแล้ว การตลาดก็ยังมีการจัดอีเวนต์เสริมต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดโปรโมชั่นร่วมกับร้านอาหารเกาหลีที่โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส จัดกิจกรรม Cooking Class ชวนคนดูมีชื่อเสียงเรียนทำอาหารเกาหลีอีกด้วย

“เราเชื่อว่า การตลาดจะช่วยเสริมให้ความสำเร็จปรากฏชัดเจน เป็นไปตามเป้าหมายเร็วขึ้น” สุรินทร์ ให้นิยาม เบื้องหลังความสำเร็จปรากฏการณ์แดจังกึมในตอนท้าย

Did you know?
1. แดจังกึม ที่ออนแอร์ทางช่อง 3 เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ออกอากาศทางทีวีบี ฮ่องกง ซึ่งได้เพิ่มเติมการแนะนำตัวละคร สถานที่ เพื่อเสริมอรรถรสละครสนุกยิ่งขึ้น
2. ในประเทศเกาหลี ซีรี่ส์ แดจังกึม ฉายสัปดาห์รวม 2 ชั่วโมง เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์นาน 1 ปี สำหรับเมืองไทยเริ่มฉายวันที่ 15 ตุลาคม 2548 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ วันเสาร์-อาทิตย์เวลา 18.30-20.00น. จากนั้นจะเพิ่มเวลาจาก 1.30 ชั่วโมง เป็น 2 ชั่วโมง 18.00-20.00 น.

เจาะลึกโฆษณาแบงก์ (มีออม ไม่มีอด)

โดย วิษณุ โชลิตกุล Positioning Magazine ธันวาคม 2548
http://www.positioningmag.com/magazine/Details.aspx?id=43615&menu=magazine,insight

กะเทาะโฆษณาโทรทัศน์ของ 2 ธนาคารไทย ระหว่างธนาคารกสิกรไทย ที่เปิดเกมรุกการตลาดด้วย โฆษณา K-Heroes และธนาคารออมสิน กับโฆษณาชิ้นล่าสุด “มีออม ไม่มีอด” ที่ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญของธนาคารไทยเวลานี้ ที่ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนดิ้งให้เป็นที่จดจำ

มีออม ไม่มีอด

เห็นโฆษณาชิ้นนี้แล้ว อยากกลับไปเป็นเด็กอีกสักครั้ง
ไม่รู้ว่าใครจะคิดเหมือนกันอย่างนี้รึเปล่า?

40 กว่าปีก่อน สมัยที่โทรทัศน์ยังไม่เฟื่องฟูอย่างปัจจุบัน ธนาคารออมสินเคยออกโฆษณาที่กลายเป็นสัญลักษณ์องค์กรไปทั่วเมืองผ่านสื่อวิทยุ และโปสเตอร์ทั่วประเทศ พร้อมกับการบุกเบิกกลยุทธ์ direct CRM (ที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ยังคงทำมาต่อเนื่อง แม้จะลดน้อยถอยลงไปมากก็ตาม) อันได้แก่ รุกไปรับเงินฝากจากผู้ออมเงินรายย่อยถึงบ้าน (ในจุดที่นัดหมายกันล่วงหน้าผ่านรถรับฝากเงินเคลื่อนที่) และฝากเงินพิเศษทุกวันเสาร์เช้าของเด็กๆ โดยมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แถมพ่วง (เช่นกระปุกออมเงิน หรือบัตรสะสมสวยงาม)

กลยุทธ์มีแค่ 5 บาทก็ออมได้ คือความเหนือชั้นที่ธนาคารพาณิชย์ไม่อาจทำได้เลย (สำหรับธนาคารพาณิชย์แล้วในสมัยก่อนนั้นต้องขึ้นต่ำ 50 บาทขึ้นไป เดี๋ยวนี้เข้าใจว่าน่าจะ 100 บาทขึ้นไปแล้ว)

เพลงออมเงิน (ซึ่งหากเป็นตอนนี้ก็คงเรียกว่า music marketing ไปแล้ว) ที่เด่นดังและใครๆ ก็จำได้โดยเฉพาะเด็ก ถึงขั้นมีการนำไปสอนขับร้องเบื้องต้นในโรงเรียนบางแห่งกันเลยคือ “...ออมสิน ออมสิน ออมสิน เก็บออมไว้กินวันหน้า...”

ฮิตติดปากกันนับทศวรรษกันเลยทีเดียว

วันนี้ ธนาคารอมมสินไม่ต้องทำแบบเดิมอีกแล้ว สาขามีเกือบทั่วประเทศ พร้อมกับบริการที่เปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งสัดส่วนในการระดมเงินออมเทียบกับธนาคารพาณิชย์ชักจะร่อยหรอลงไปจากเดิม

เหตุผลหลักก็คือ รูปแบบบริหารงานในลักษณ์ของรัฐวิสาหกิจ ที่คอยแต่จะรับหน้าที่เป็นเครื่องมือระดมเงินออมไปสู่ภาครัฐเป็นหลัก แม้ว่าในระยะ3-4 ปีมานี้ จะมีการขับเคลื่อนใหม่ให้ออกมาทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อสู่ภาคประชาชนและธุรกิจมากขึ้นผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน หรือ อื่นๆ (ที่รัฐบาลริเริ่มขึ้นมา) ในนาม ”ธนาคารประชาชน”

ห้วงยามนี้ เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดพ้นจากภาวะ ”กับดักสภาพคล่อง” และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเริ่มผงกหัวขึ้นมาตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ พร้อมกับสงครามแย่งเงินออมครั้งใหม่เกิดขึ้น ธนาคารออมสินก็เริ่มออกแคมเปญโฆษณาชิ้นใหม่ให้ได้เห็นกัน

ถือเป็นการกลับลำมารีแบรนด์อีกครั้งที่น่าสนใจ

โฆษณาทางโทรทัศน์ชุด “มีออม ไม่มีอด” เป็นงานโฆษณาที่น่าจะทำให้คนจดจำแบรนด์ ธนาคารออมสินได้ดี เพราะเป็นการหวนย้อนไปกระตุ้นต่อมความจำของคนให้ระลึกถึงธุรกรรมเก่าๆ ครั้งวัยเยาว์

โดยมีชื่อ (และภาพในอดีต) ของพรีเซ็นเตอร์ชื่อดัง พ.ต.ต. ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีร่วมสมัยอันดับหนึ่งของไทย และปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ

ในแง่ของสารที่เรียกว่า from Rag to Rich ประเภท การสร้างความร่ำรวยภายในชั่วอายุคนเดียวของ พ.ต.ต. ทักษิณ อดีตนายตำรวจที่ผันตัวเองสู่ธุรกิจโทรคมนาคม สร้างอาณาจักรเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่ง เป็นเรื่องกระตุ้นความสนใจในวงกว้างได้เสมอ

โดยเฉพาะในสังคมที่ผู้คนถูกแรงกระตุ้นไขว่คว้าหาความสำเร็จเป็นสรณะแห่งชีวิตในโลกทุนนิยมที่เมืองไทยเราเป็นอยู่ยามนี้ ยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ

ภาพยนตร์โทรทัศน์ที่เน้น ขาว-ดำ (เพื่อย้อนยุคไปสู่อดีต) พูดถึงเด็กชายทักษิณ ชินวัตร ที่ติดสอยห้อยตามท้ายจักรยานพ่อไปสวน และที่ต่างๆ แล้วกลายเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนนอกที่ต้องทำงานหารายได้พิเศษ (ส่งหนังสือพิมพ์ และช่วยทำครัว)...สูตรสำเร็จของคนเอเชียคือ ขยันและประหยัด ก่อนจะวกกลับเข้ามาสู่ประเด็นของการออมเงิน

“...พ่อมีอิทธิพลต่อผมอย่างมาก พ่อสอนให้ผมเป็นคนสู้ชีวิต ด้วยการลงมือทำ...ทำ...เมื่อทำแล้ว ก็ต้องรู้จักออม...”

ถึงตรงนี้ อยากพูดถึงการเลือกตัวแสดงว่า ช่างสรรหาคนหน้าเหมือนคุณบุญเลิศ ชินวัตร (บิดาของเด็กชายทักษิณ)ได้เยี่ยมยอดจริงๆ โดยไม่ต้องพึ่งพวกตลกหน้าเหมือนจำพวก ”สภาโจ๊ก” ให้เสียเวลา และเสียค่าตัวแพงๆ

ช่วงสาระการออมเงินนี้ ภาพที่เคลื่อนไหวถึงอิทธิพลที่เด็กชายทักษิณซึมซับจากบิดา ถูกคลอด้วยเสียงเพลงหวานไพเราะจากน้ำเสียงของ พลพล พลกองเส็ง นักร้องแกรมมี่ “ชีวิตจะไม่เดือดร้อน ถ้าหากมีออม...มีออมไม่มีอด…” นำเรื่องไปสู่จุดจบที่งดงาม เมื่อกระปุกออมสินโผล่ขึ้นมา พร้อมกับวาระแห่งการออมใหม่ ซึ่งเป็นทฤษฎีในเรื่องการออมที่แตกต่างไปจากวิชาเศรษฐศาสตร์เดิมของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์

“รายได้ที่ได้มา ควรออม 1 ส่วน ใช้ 3 ส่วน” ตามปรัชญาเศรษฐศาสตร์ของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เช่นนี้ เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่ลอกเลียนแบบใคร

ใครที่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์มหภาคที่เกี่ยวกับ ”กฎการถือเงิน” ของเคนส์นั้น จะต้องรู้เกี่ยวกับ หลักการแบ่งรายได้เพื่อใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน (ที่เคนส์ประยุกต์เอามาจากคัมภีร์ ตาลหมุด ของศาสนายิวที่ยึดถือมาแต่โบราณ) คือ 1) เอาไว้ใช้จ่ายปกติ 2) สำรองใช้ในยามฉุกเฉิน 3) เอาไว้ใช้เก็งกำไร

นั่นก็หมายความ วาระเศรษฐศาสตร์ใหม่ของทักษิณ หรือทักษิณานุวัตนั้น ได้ตัดประเด็นเรื่องการเก็งกำไรออกไปจากชีวิตของคน...โดยเจตนากันเลยทีเดียว (ซึ่งหากเป็นจริง ก็คงหาคนซื้อล็อตเตอรี่ หรือหวยทุกชนิดของกองสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือตลาดหุ้น หรือกองทุนรวมออกไปเลย)

วาระหรือสารที่นำเสนอในโฆษณาชิ้นนี้จึงค่อนข้างจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะเจตนาของโฆษณานั้น เน้นหนักไปในเรื่องของการออม ด้วยเหตุผลที่ทางผู้บริหารของธนาคารออมสินเองก็ออกมายอมรับว่า เป็นการกระตุ้นเตือนใจคนไทยโดยตรง เพราะระยะหลังนี้ สัดส่วนเงินออมภาคครัวเรือนค่อนข้างลดน้อยถอยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ต้องกลับมากระตุ้นกันใหม่

โดยมี ”เงา” ของนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งวัยเยาว์มาเป็นแรงจูงใจ

ถึงแม้ว่าโดยหลักแล้วจะดูขัดๆ อยู่บ้าง เพราะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีคนนี้คือต้นกำเนิดของนโยบายกระตุ้นการบริโภคระดับรากหญ้า และหว่านเงินผ่าน ”ประชานิยม” ซึ่งเป็นที่มาของการลดลงของสัดส่วนเงินออมภาคครัวเรือน...แต่หากเราพยายามลืมมันเสียบ้าง ดูโฆษณาและเจตนาอย่างเดียว มันก็ โอ เค แคปปิตอล แล้ว มิใช่หรือ?

โทนของโฆษณาที่ไม่ถึงขึ้นเป็น hard selling เต็มที่ ทำให้งานชิ้นนี้มีจุดเด่นที่แหวกกระแสโฆษณาทางการเงินชิ้นอื่นๆ และถือเป็นตัวช่วยโฆษณาที่อยู่ในกระแสของการกระตุ้นเงินออมของบรรดาธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ได้ดีทีเดียว

ยิ่งเห็นกิจกรรมทางการตลาดที่ออกมาพร้อมกับโฆษณาชิ้นนี้ในการเร่งระดมเงินฝาก ก็เข้าใจว่า น่าจะมีส่วนทำให้เงินออมของธนาคารออมสินบรรลุเป้าหมายง่ายขึ้น

เนื่องจากช่วงนี้ดอกเบี้ยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นพอดี

ในแง่ของเป้าหมายโฆษณานี้ การเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่น่าจะไม่ยากลำบากมากนัก เพราะแรงจูงใจให้ฝากนั้นมีอยู่แล้ว และควรสนับสนุน

...เพียงแต่ว่า จะดึงกลุ่มคนที่เคยตกอยู่ในกับดักของ ”ทำสิบ ได้ห้า” กลับมาจากบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลได้มากน้อยเพียงใด ยังเป็นปริศนา...เพราะคนกลุ่มหลังนี้อาจจะเข้าข่าย “แก่เกินแกง” หรือ “สายเกินแก้” ไปแล้ว

ซึ่งคงไม่ใช่เป้าหมายสำคัญของโฆษณาอย่างแน่นอน

การช่วยคนนั้น ถึงอย่างไรในทางปฏิบัติ มันก็ฝนตกไม่ทั่วฟ้าอยู่ดี!

เพราะคนรู้จักออม...เท่านั้น ถึงจะไม่มีอด

Credit tvc GSB

Title : นายกรัฐมนตรี (60, 30 วินาที)
Product : โครงการส่งเสริมการออม
Client : ธนาคารออมสิน
Agency : David Marketing Communications
Creative Director : ชาญ รุ่งเรืองเดชวัฒนา
Art Director : ชาญ รุ่งเรืองเดชวัฒนา, จักรกฤษณ์ ลิ้มกาญจน์
Copywriter : ชาญ รุ่งเรืองเดชวัฒนา
Lyric Song : ชาญ รุ่งเรืองเดชวัฒนา
Vocal : พลพล พลกองเส็ง
Musician : วุฒิชัย ไพรวัลย์
Client Service : รุกข์ โสรัตน์, ศรีกัญญา มงคลศิริ, วีรพล ชมานนท์, ต่อศักดิ์ เศรษฐพรรค์
Production : The Shood
Director : วิวัฒน์ วงศ์กระพันธุ์
Producer : จุฑามาศ ตัณฑเทศ, อังคณา สันติภิญโญเลิส